ค้นหาศูนย์บริการและสาขา เช็คราคา
icon-ask-question
ค้นหาศูนย์บริการและสาขา

กรุณากรอกข้อมูล

กรุณากรอกข้อมูล

อีเมลไม่ถูกต้อง

กรุณากรอกข้อมูล

กรุณากรอกข้อมูล

กรุณากรอกข้อมูล

แจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์ (สายด่วน 24 ชม. 0-2118-8111)

ดาวน์โหลด PDF

ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
ขั้นตอนที่ 2: กรอกข้อมูลและกดบันทึก
  • กรอกรายละเอียดในแบบฟอร์ม ตรวจสอบ และกดบันทึก

ขั้นตอนที่ 3: การส่งแบบฟอร์ม

ขั้นตอน และกระบวนเรียกร้องการเคลม และการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนรถยนต์

1 การแจ้งอุบัติเหตุ/การติดต่อขอรับบริการงานสินไหมทดแทนรถยนต์
2 ให้ข้อมูลรายละเอียดการเกิดเหตุกับช่องทางที่ติดต่อ โดยเน้นข้อมูลสำคัญดังนี้
3 ปฎิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ AXA Hotline และเจ้าหน้าที่สำรวจภัย (ในกรณีที่ต้องมีการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ / ลักษณะการเกิดเหตุ / การเกิดเหตุที่มีคู่กรณี / ฯลฯ)

● หลังจากโทรศัพท์แจ้งเหตุให้บริษัทฯ ทราบแล้ว กรุณารอ ณ ที่เกิดเหตุ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่รับแจ้งอุบัติเหตุ
● ไม่ควรเคลื่อนย้ายรถ เว้นแต่
- มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ
- ในกรณีที่รู้ว่าเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิดแน่นอน พร้อมมีหลักฐานประกอบ
- หากมีการเคลื่อนย้ายรถ ต้องแจ้งให้บริษัทฯทราบ

  • ไม่ควรตกลงชดใช้ค่าเสียหาย เมื่อไม่แน่ใจในลักษณะอุบัติเหตุ

● กรุณาอย่าหลบหนี เพราะท่านอาจไม่ใช่ผู้กระทำผิด การหลบหนีอาจเป็นเหตุทำให้ต้องโทษในคดีอาญาเพิ่มขึ้น
● สามารถเคลื่อนย้ายรถเข้าไปอยู่ในบริเวณที่ไม่กีดขวางการจราจรภายหลังจากการยอมรับผิดแล้ว
● ทั้งนี้ไม่ควรลงนามในเอกสารใดๆ ให้แก่คู่กรณี จนกว่าเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯจะไปถึง ถ้าไม่สามารถติดต่อบริษัทฯ อาจดำเนินการ โดย
- นัดหมายกับคู่กรณีภายหลัง
- ทำบันทึกยอมรับผิดให้คู่กรณีติดต่อบริษัทฯ หลังจากท่านได้แจ้งอุบัติเหตุครั้งนี้ให้บริษัทฯทราบแล้ว หรือให้นำบันทึกยอมรับผิดติดต่อประกันภัยของตน
- แลกแบบฟอร์ม “ชนแล้วแยกแลกใบเคลม” ต่อจากนั้นรีบติดต่อเจ้าหน้าที่รับแจ้งอุบัติเหตุเพื่อลงนามรับผิดชอบคู่กรณี

  • การทำบันทึกยอมรับผิดควรมีรายละเอียดดังนี้ (อาจเป็นแบบฟอร์ม ซึ่งเขียนขึ้นเองได้)
    -ชื่อนามสกุล ของฝ่ายผิด
    -ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ โดยชัดเจนและสามารถติดต่อได้
    -วันที่ สถานที่เกิดเหตุ
    -ทะเบียนรถคันที่เป็นฝ่ายผิด และคันที่เป็นฝ่ายถูก
    -ข้อความที่ระบุว่ายอมรับผิด และรายละเอียดความเสียหาย
    -ลงลายมือชื่อพร้อมพยาน กรณีเป็นนามบัตร ต้องมีชื่อกำกับ

● ถ้าคู่กรณียอมรับผิด จดทะเบียนรถ ชื่อ เบอร์ติดต่อ ที่อยู่ของคู่กรณี และพยาน (ถ้ามี) เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับแจ้งอุบัติเหตุต่อบริษัทฯ
● ถ้าคู่กรณีไม่ยอมรับผิดให้จดยี่ห้อรถ ทะเบียนรถคู่กรณีไว้ก่อน จากนั้นโทรศัพท์แจ้งให้บริษัทฯ ทราบ พร้อมทั้งแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุ
● ไม่ควรแยกรถจนกว่าคู่กรณียอมรับผิด และมีหลักฐานให้ เช่น บันทึกยอมรับผิด หรือแบบฟอร์มชนแล้วแยกแลกใบเคลม
● หากถ้าคู่กรณีหลบหนีให้แจ้งตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวัน โดยระบุรายละเอียดคู่กรณีให้มากที่สุด
● กรณีทรัพย์สินบนรถเสียหาย ต้องลงบันทึกประจำวันทุกครั้ง เพราะท่านต้องเรียกร้องความเสียหายกับคู่กรณีเองโดยตรง

  • ให้จดยี่ห้อรถ ทะเบียนรถคู่กรณีไว้ก่อน จากนั้นโทรศัพท์แจ้งให้บริษัทฯ ทราบ พร้อมทั้งแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุ
  • อย่าทำการเคลื่อนย้ายรถจากจุดเกิดเหตุ นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำเครื่องหมายการเกิดเหตุ และสั่งให้เคลื่อนย้ายรถ (โดยสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุให้ทำการตรวจสอบ)
  • ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิด หรือฝ่ายถูก ให้รีบนำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่งสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที
  • ถ้าผู้บาดเจ็บไปสถานพยาบาลเอง หรือมีผู้นำส่งควรแจ้งให้บริษัทฯทราบว่า จะนัดหมายพบกันที่ใด
  • ให้คู่กรณีใช้สิทธิเบิกตามกรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ. ก่อน
  • ถ้ามีการสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล กรุณาเก็บใบเสร็จรับเงินไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง
  • อย่าดำเนินการตกลงค่าเสียหายใดๆ จนกว่าเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯจะไปถึง ซึ่งจะเป็นผู้ให้คำแนะนำแก่ท่าน ทั้งนี้กรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และเป็นความผิดทางอาญา ท่านสามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯได้

ให้แจ้งความต่อสถานีตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ โดยหากทราบทะเบียนรถของคู่กรณี ให้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีเท่านั้นไม่ใช่เพื่อเป็นหลักฐาน ยกเว้นกรณีที่ไม่ทราบทะเบียนรถคู่กรณี

ถ้าหากรถยนต์ของคุณถูกยึดเพื่อใช้ในการพิสูจน์ ณ ที่สถานีตำรวจ คุณจะต้องนำของมีค่าทั้งหมดออกจากรถยนต์ สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบและบันทึกสภาพของรถยนต์และรับสำเนาคาร์บอนของรายงาน

บริษัทจะจัดเตรียมเงินสำหรับการประกันตัวผู้ขับขี่สูงสุดตามขีดจำกัดความรับผิดสำหรับเงินประกันตัวตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกัน

  • แจ้งเคลมกับทางศูนย์รับแจ้ง (AXA HOTLINE) ที่หมายเลย 0-2118-8111 ทันทีที่ทราบ
  • รีบแจ้งสถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ และศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่หมายเลข 1192 พร้อมแจ้งรายละเอียดที่จำเป็นคือ ทะเบียน สี หมายเลขเครื่องหมายเลขตัวถัง สถานที่ และวันเวลาที่หาย โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.lostcar.co.th
  • ในกรณีที่รถยนต์ที่เอารถประกันไว้สูญหาย และผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ได้เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัท โดยได้ดำเนินการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์แล้ว บริษัทจะดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วันนับแต่วันที่บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์
4 ขั้นตอนจัดซ่อมหรือขอรับชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
  • บริษัทฯจะจัดซ่อมรถของท่านคืนสู่สภาพปกติที่อู่ที่บริษัทฯได้ทำสัญญาเป็นคู่ค้าไว้ หากท่านประสงค์จัดซ่อม รถที่อู่นอกสัญญาที่ท่านเลือกเอง โปรดแจ้งให้บริษัทฯรับทราบก่อนล่วงหน้า เพื่อทำการคุมราคาและท่านต้องเป็นผู้สำรองจ่ายตามยอดที่ทางบริษัทฯได้อนุมัติ และนำส่งเอกสารมาตั้งเบิกกับทางบริษัทฯ
  • บริษัทฯจะพิจารณาอนุมัติเปลี่ยนอะไหล่ ในกรณีที่บริษัทฯได้พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถจัดซ่อมคืนสภาพได้
  • ก่อนส่งมอบรถให้แก่อู่ ควรตรวจสอบสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ภายในรถและสภาพรถรอบคัน โดยให้อู่ทำบันทึกรายการใบรับรถทุกครั้ง และลงนามรับทราบทุกครั้ง ไม่ควรทิ้งสิ่งของมีค่าใดๆไว้กับรถ
  • การตรวจรับรถที่ซ่อมแล้วเสร็จ ควรตรวจสอบผลการซ่อมอย่างละเอียดในที่ที่แสงสว่างพียงพอ หากพบว่าการซ่อมไม่เรียบร้อย สามารถแจ้งให้ทางอู่ทำการแก้ไขโดยทันที
  • ท่านสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของงานซ่อม และหากท่านประสบปัญหาใดๆในการจัดซ่อม สามารถแจ้งให้บรัษัทฯทราบโดยทันที
  • กรณีที่ท่านต้องรับผิดชอบต่อส่วนร่วมจ่ายต่างๆ อู่ในสัญญาจะเป็นผู้เก็บเงินส่วนดังกล่าวจากท่าน
  • บริษัทฯจะจัดซ่อมรถของท่านคืนสู่สภาพปกติ  โดยท่านสามารถเข้าซ่อมที่อู่ที่บริษัทฯได้ทำสัญญาเป็นคู่ค้าไว้  หรือเข้าซ่อมอู่นอกสัญญาที่ท่านเลือกเอง โดยแจ้งให้บริษัทฯรับทราบ เพื่อทำการคุมราคาและท่านต้องเป็นผู้สำรองจ่ายตามยอดที่ทางบริษัทฯได้อนุมัติ และนำส่งเอกสารมาตั้งเบิกกับทางบริษัทฯ ในกรณีที่ตกลงจ่ายค่าสินไหมเมื่อซ่อมเสร็จ
  • บริษัทฯจะพิจารณาอนุมัติเปลี่ยนอะไหล่ ในกรณีที่บริษัทฯได้พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถจัดซ่อมคืนสภาพได้
  • ก่อนส่งมอบรถให้แก่อู่ ควรตรวจสอบสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ภายในรถและสภาพรถรอบคัน โดยให้อู่ทำบันทึกรายการใบรับรถทุกครั้ง และลงนามรับทราบทุกครั้ง ไม่ควรทิ้งสิ่งของมีค่าใดๆไว้กับรถ
  • การตรวจรับรถที่ซ่อมแล้วเสร็จ ควรตรวจสอบผลการซ่อมอย่างละเอียดในที่ที่แสงสว่างพียงพอ หากพบว่าการซ่อมไม่เรียบร้อย สามารถแจ้งให้ทางอู่ทำการแก้ไขโดยทันที
  • กรณีเข้าซ่อมกับอู่ที่เป็นคู่สัญญาของบริษัทฯ  ท่านสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของงานซ่อม และหากท่านประสบปัญหาใดๆในการจัดซ่อม สามารถแจ้งให้บรัษัทฯทราบโดยทันที
  • กรณีที่ท่านต้องรับผิดชอบต่อส่วนร่วมจ่ายต่างๆ อู่ในสัญญาจะเป็นผู้เก็บเงินส่วนดังกล่าวจากท่าน
  • บริษัทฯจะจัดซ่อมทรัพย์สินที่เสียหายคืนสู่สภาพปกติ  หรือชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินตามมูลค่าเสียหายที่แท้จริง
  • ท่านสามารถส่งรายละเอียดการเรียกร้อง พร้อมเอกสารหลักฐานที่บริษัทฯ กำหนด ตามช่องทางที่ระบุไว้ด้านล่าง หรือ
  • ประสานให้บริษัทฯจัดหาผู้รับจ้างคู่สัญญาของบริษัทฯเข้าซ่อมทรัพย์สินที่เสียหาย   หรือผู้รับเหมานอกสัญญาที่ท่านเลือกเอง ตามแต่กรณี  โดยแจ้งให้บริษัทฯรับทราบ เพื่อทำการคุมราคาและท่านต้องเป็นผู้สำรองจ่ายตามยอดที่ทางบริษัทฯได้อนุมัติ และนำส่งเอกสารมาตั้งเบิกกับทางบริษัทฯ ในกรณีที่ตกลงจ่ายค่าสินไหมเมื่อซ่อมเสร็จ

กรณีผู้เรียกร้องค่าสินไหม มีความเห็นแย้งต่อการพิจารณาของบริษัทฯ  ภายหลังได้รับการแจ้งผลการพิจารณาเป็นหนังสือ  สามารถส่งเรืองให้หน่วยงานรับเรื่อง การขอให้ทบทวนผลการพิจารณาชดใช้เงิน หรือ ค่าสินไหมทดแทน ที่บริษัทฯ กำหนดไว้ดังนี้

  • ช่องทางโทรศัพท์ที่หมายเลข   0-2118-8111 (ตลอด 24 ชม.)
  • ชองทาง E-mail ; customer.support@axa.co.th
  • ท่านสามารถส่งเอกสารมาทางไปรษณีย์ (ระบุจ่าหน้าซองถึง หน่วยงานทบทวนการพิจารณาชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทน)  หรือแจ้งเคลมด้วยตัวท่านเองในวันและเวลาทำการที่ 
    บมจ. แอกซ่าประกันภัย สำนักงานใหญ่
    เลขที่ 414 อาคารสยามปทุมวันเฮ้าส์ ชั้น 25 ยูนิต 2511-1-2
    ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 หรือ
    ที่สำนักงานสาขาทุกสาขาตามรายละเอียดที่ระบุ >>> https://www.axa.co.th/th/about-us
5 เอกสารประกอบการเรียกร้องสินไหมสำหรับการนำรถไปจัดซ่อมกับ ศูนย์บริการ หรือ อู่ คู่สัญญาของบริษัทฯ
  • ใบแจ้งความเสียหาย(ใบเคลม) สำหรับกรณีมีพนักงานออกสำรวจภัย
  • แบบฟอร์มแจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์ สำหรับกรณีแจ้งเคลมโดยไม่มีพนักงานสำรวจภัยออกตรวจสอบ
  • สำเนาใบขับขี่ผู้ขับขี่ตามที่แจ้งเกิดเหตุ
  • สำเนารายการจดทะเบียนรถ
  • ชุดหนังสือมอบอำนาจของผู้เอาประกันภัย และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีผู้เอาประกันภัยมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)
  • เอกสารอื่นๆ กรณีบริษัทฯ ร้องขอเพิ่มเติม หรือตามที่ระบุไว้ในบัตรติดต่อ
  • ใบแจ้งความเสียหาย(ใบเคลม)
  • สำเนารายการจดทะเบียนรถ
  • สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ
  • สำเนากรมธรรม์ประกันภัย (ถ้ามี)
  • ชุดหนังสือมอบอำนาจของเจ้าของรถ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)
  • เอกสารอื่นๆ กรณีบริษัทฯ ร้องขอเพิ่มเติม หรือตามที่ระบุไว้ในบัตรติดต่อ
6  เอกสารประกอบการเรียกร้องค่าสินไหม สำหรับการนำรถไปจัดซ่อมกับ ศูนย์บริการ หรือ อู่ ที่ ไม่ใช่คู่สัญญาของบริษัทฯ
  • ใบรับรองความเสียหาย (ใบเคลม)
  • หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)  หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ (กรณีเป็นนิติบุคคล)
  • ใบเสนอราคา หรือใบประเมินราคาค่าซ่อม
  • ภาพถ่ายความเสียหายของรถยนต์ตามใบประเมินราคาค่าซ่อมที่เกิดจากอุบัติเหตุ
  • เอกสารอื่นๆ กรณีบริษัทฯ ร้องขอเพิ่มเติม หรือตามที่ระบุไว้ในบัตรติดต่อ
  • ต้นฉบับใบรับรองความเสียหาย (ใบเคลม)
  • ใบอนุมัติราคาค่าซ่อม
  • ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษี
  • สำเนาบัตรประชาชน  หรือสำเนาหนังสือเดินทางในกรณีเป็นผู้เอาประกันภัย หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ (กรณีเป็นนิติบุคคล)
  • หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน) หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ    (กรณีเป็นนิติบุคคล)
  • ภาพถ่ายรถยนต์ และชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์รถยนต์ระหว่างซ่อม และจัดซ่อมเสร็จ
  • หลักฐานการตรวจสภาพรถยนต์ที่จัดซ่อมแล้วเสร็จ
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารผู้เอาประกันภัย /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการโอนเงิน)
  • ใบรับรองความเสียหาย (ใบเคลม)
  • หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)  หรือ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ (กรณีเป็นนิติบุคคล)
  • ใบเสนอราคา หรือใบประเมินราคาค่าซ่อม
  • ภาพถ่ายความเสียหายของรถยนต์ตามใบประเมินราคาค่าซ่อมที่เกิดจากอุบัติเหตุ
  • สำเนาบัตรประชาชน  หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ (กรณีเป็นนิติบุคคล)  ของเจ้าของหรือผู้มีสิทธิครอบครองรถยนต์คู่กรณี
  • สำเนารายการจดทะเบียนรถ
  • ต้นฉบับใบรับรองความเสียหาย (ใบเคลม)
  • ใบอนุมัติราคาค่าซ่อม หรือ หนังสือตกลงประนีประนอมยอมความรับค่าสินไหม  (ตามแต่กรณี)
  • ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษี (ถ้ามี)
  • รูปถ่าย 3 ขั้นตอน ได้แก่ ก่อนซ่อม ระหว่างซ่อม และหลังซ่อม (ถ้ามี ตามแต่กรณี)
  • สำเนาบัตรประชาชน  หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประชาชนของ กรรมการผู้มีอำนาจ (กรณีเป็นนิติบุคคล)
  • หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน) หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ (กรณีเป็นนิติบุคคล)
  • สำเนารายการจดทะเบียนรถ
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารเจ้าของรถ /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการโอนเงิน)
7 การเรียกร้องค่ายกรถ
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้เอาประกันภัย
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารผู้เอาประกันภัย /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการโอนเงิน)
  • ชุดหนังสือรับรองการจดทะเบียน (กรณีนิติบุคคล)
  • ใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษี
  • หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน) หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ (กรณีเป็นนิติบุคคล)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถ
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารเจ้าของรถ /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการโอนเงิน)
  • ชุดหนังสือรับรองการจดทะเบียน (กรณีนิติบุคคล)
  • ใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษี (ถ้ามี)
  • หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน) หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ (กรณีเป็นนิติบุคคล)
8 การเรียกร้อง กรณีรถเสียหายโดยสิ้นเชิง (Total Loss) หรือ กรณีรถยนต์สูญหาย
  • หนังสือแจ้งจำหน่าย และใบ เสร็จรับเงิน / Invoice (กรณีรถป้ายแดง)
  • แบบคำขอจดทะเบียน และหนังสือมอบอำนาจ (กรณีรถป้ายแดง)
  • ใบเสร็จรับเงินค่าสินไหมทดแทน, ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีค่าซาก (บริษัท)-กรณีรถยนต์เสียหายสิ้นเชิง
  • บันทึกตกลงชดใช้ค่าเสียหาย
  • หนังสือยืนยันการโอนสิทธิ์ (แจ้งกรมการขนส่งทางบก)
  • แบบคำขอโอนและรับโอน
  • ชุดมอบอำนาจโอนกรรมสิทธิ์
  • ชุดมอบอำนาจแจ้งจดทะเบียน
  • ชุดมอบอำนาจแจ้งย้าย
  • ชุดมอบอำนาจแจ้งหยุดใช้รถ
  • สำเนาทะเบียนบ้าน + บัตรประชาชน ของผู้เอาประกันภัย (บุคคล/ผู้มีอำนาจลงนามบริษัท)
  • หนังสือรับรองบริษัท ของผู้เอาประกันภัย (กรณีผู้เอาประกันภัยเป็นนิติบุคคล)
  • เล่มทะเบียนที่แจ้งหยุดการใช้รถแล้ว เจ้าของรถลงนามช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์
  • กุญแจรถ
  • กรมธรรม์ต้นฉบับ
  • ต้นฉบับใบรับรองความเสียหาย (ใบเคลม)- (กรณียังไม่ได้ส่งมอบให้อู่หรือศูนย์)
  • สำเนาใบเสร็จ/ใบกำกับภาษีในการปิดสัญญาเช่าซื้อ (ถ้ามี) ประจำวันตำรวจ / บันทึกการเกิดเหตุ (กรณีรถยนต์สูญหาย จะต้องมี)
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารเจ้าของรถ /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการโอนเงิน)
  • ชุดหนังสือมอบอำนาจของผู้เอาประกันภัย และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีผู้เอาประกันภัยมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)
  • หนังสือแจ้งจำหน่าย และใบ เสร็จรับเงิน / Invoice (กรณีรถป้ายแดง)
  • แบบคำขอจดทะเบียน และหนังสือมอบอำนาจ (กรณีรถป้ายแดง)
  • หนังสือรับรองกรรมสิทธิ์
  • หนังสือรับรองและสละสิทธิ์ในการรับค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัยรถยนต์
  • ใบเสร็จรับเงินค่าสินไหมทดแทน, ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีค่าซาก(กรณีเสียหายสิ้นเชิง)
  • บันทึกตกลงชดใช้ค่าเสียหาย
  • สำเนาสัญญาเช่าซื้อ
  • หนังสือยืนยันการโอนสิทธิ์ (แจ้งกรมการขนส่งทางบก)
  • แบบคำขอโอนและรับโอน
  • ชุดมอบอำนาจโอนกรรมสิทธิ์
  • ชุดมอบอำนาจแจ้งจดทะเบียน
  • ชุดมอบอำนาจแจ้งย้าย
  • ชุดมอบอำนาจแจ้งหยุดใช้รถ
  • สำเนาทะเบียนบ้าน + บัตรประชาชน ของผู้เอาประกันภัย (บุคคล/ผู้มีอำนาจลงนามบริษัท)
  • หนังสือรับรองบริษัท ของผู้เอาประกันภัย (กรณีผู้เอาประกันภัยเป็นนิติบุคคล)
  • หนังสือรับรองบริษัท ของบริษัทฯ ผู้ให้เช่าซื้อ (ลิสซิ่ง/ไฟแนนซ์)
  • เล่มทะเบียนที่แจ้งหยุดการใช้รถแล้ว เจ้าของรถลงนามช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์
  • กุญแจรถ
  • กรมธรรม์ต้นฉบับ
  • ต้นฉบับใบรับรองความเสียหาย (ใบเคลม)- (กรณียังไม่ได้ส่งมอบให้อู่หรือศูนย์)
  • ใบเสร็จ/ใบกำกับภาษีในการปิดสัญญาเช่าซื้อ (ถ้ามี)
  • ประจำวันตำรวจ / บันทึกการเกิดเหตุ (กรณีรถยนต์สูญหาย จะต้องมี)

ทายาทจะต้องแจ้งร้องต่อศาล เพื่อขอแต่งตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นผู้จัดการมรดก เพื่อศาลแต่งตั้งแล้ว ขอให้ผู้จัดการมรดกขอเอกสารจากศาล  เพื่อดำเนินการแจ้งขอเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์ และนำเอกสารดังกล่าวติดต่อบริษัทฯ หรือ บริษัทฯลิสซิ่ง หากติดสัญญาเช่าซื้ออยู่

9 การเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถของคู่กรณี
  • บัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนรถ/สำเนาสัญญาเช่าซื้อ
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร (สำหรับการโอนเงิน)
  • ชุดหนังสือมอบอำนาจ
  • ชุดหนังสือรับรอง (การจดทะเบียนนิติบุคคล)
  • หลักฐานที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ หรือค่าเสื่อมราคารถ เช่น สำเนาใบนำรถเข้าจัดซ่อม/ใบรับรถ รายการอะไหล่ที่ใช้ในการจัดซ่อมสำเนาใบเสร็จรับเงินค่าซ่อม (ถ้ามี)
  • สำเนาใบรับรองความเสียหาย (ใบเคลม) ของบริษัทฯ  (ถ้ามี)
10 กรณีการขอรับค่าสินไหมเบื้องต้นตามความคุ้มครองกรมธรรม์ผู้ประสบภัยจากรถ

กรณีผู้ประสบภัยได้รับความเสียหายต่อร่างกาย บริษัทจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับ การรักษาพยาบาล ตามจำนวนที่จ่ายไปจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อหนึ่งคน

  • ต้นฉบับใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล หรือสำเนาใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล ในกรณีที่มีหลักฐานแสดงว่ายังไม่ได้รับชดใช้เต็มจำนวนตามใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลดังกล่าว(ต้องมี)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หรือหลักฐานอื่นใดที่ทางราชการออกให้ที่พิสูจน์ได้ว่าผู้มีชื่อในหลักฐานนั้นเป็นผู้ประสบภัยแล้วแต่กรณี(ต้องมี)
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารของผู้ประสบภัย /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการรับโอนเงินค่าสินไหม)
  • ใบรับรองแพทย์ และ/หรือประวัติการรักษาของแพทย์ (ถ้ามี)
  • สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี (ถ้ามี)
  • กรณีไม่มีสำเนาบันทึกประจำวันคดี จะต้องยืนยันข้อเท็จจริงการเกิดเหตุและใช้สิทธิ์ตามแบบ คำร้องขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นโดยผู้ประสบภัยหรือทายาทโดยธรรมเป็นผู้ร้องขอจากบริษัทฯ  (บต.3) 
  • หนังสือมอบอำนาจของผู้ประสบภัย และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีผู้ประสบภัยมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)

กรณีผู้ประสบภัยได้รับได้รับความเสียหายต่อร่างกายอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ บริษัทจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นจำนวน 35,000  บาท ต่อหนึ่งคน /(ก) ตาบอด  /(ข) หูหนวก /(ค) เป็นใบ้ หรือเสียความสามารในการพูด หรือลิ้นขาด/(ง) สูญเสียอวัยวะสืบพันธุ์/(จ) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้ว/(ฉ) เสียอวัยวะอื่นใด/(ช) จิตพิการอย่างติดตัว/(ซ) ทุพพลภาพอย่างถาวร

  • ต้นฉบับใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล หรือสำเนาใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล ในกรณีที่มีหลักฐานแสดงว่ายังไม่ได้รับชดใช้เต็มจำนวนตามใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลดังกล่าว(ต้องมี)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หรือหลักฐานอื่นใดที่ทางราชการออกให้ที่พิสูจน์ได้ว่าผู้มีชื่อในหลักฐานนั้นเป็นผู้ประสบภัยแล้วแต่กรณี(ต้องมี)
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารของผู้ประสบภัย /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการรับโอนเงินค่าสินไหม)
  • สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีของพนักงานสอบสวนหรือหลักฐานอื่นใดที่แสดงว่าผู้นั้นได้รับความเสียหายจากการประสบภัยจากรถด้วย (ต้องมี)
  • ต้นฉบับใบรับรองแพทย์ หรือความเห็นแพทย์ หรือหลักฐานอื่นใดที่ระบุว่าเปนผู้ประสบภัยซึ่งได้รับความเสียหายดังกล่าวต่อร่างกายดังกล่าวด้วย(ต้องมี)
  • หนังสือมอบอำนาจของผู้ประสบภัย และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีผู้ประสบภัยมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)
  • สำเนาใบมรณบัตรของผู้ประสบภัย (ต้องมี)
  • สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีของพนักงานสอบสวนหรือหลักฐานอื่นใดที่แสดงว่าผู้นั้นถึงแก่ความตายเพราะการประสบภัยจากรถ (ต้องมี)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้เสียชีวิต หรือหนังสือเดินทาง (กรณีผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลต่างด้าว)
  • เอกสารของทายาทโดยธรรมทุกคนของผู้เสียชีวิตที่รับค่าสินไหมทดแทน ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น
  • เอกสารแสดงการเป็นทายาทโดยธรรมทุกคนที่มีสิทธิ์ได้รับค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียชีวิต แต่ได้ทำหนังสือสละสิทธิ์ (ถ้ามี) ได้แก่ สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น
  • คำสั่งศาลให้บุคคลทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์  (กรณีที่ทายาทผู้เสียชีวิตเป็นผู้เยาว์)
  • หนังสือรับรองยืนยันการเป็นทายาทของสถานฑูต หรือสถานกงสุล พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย (กรณีเป็นทายาทของบุคคลต่างด้าว)
  • หนังสือมอบอำนาจของทายาท และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีทายาทมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารของทายาทผู้รับเงิน /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการรับโอนเงินค่าสินไหม)
11 กรณีการขอรับค่าสินไหมนอกเหนือหมวดความคุ้มครองเบื้องต้นตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

กรณีรถประกัน

  • ใบรับรองความเสียหาย (ถ้ามี)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือใบอนุญาตขับขี่ หรือ หนังสือเดินทาง หรือหลักฐานอื่นที่รับรองตัวตนของผู้ประสบภัย
  • ใบรับรองแพทย์ และ/หรือประวัติการรักษาของแพทย์
  • ต้นฉบับใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล หรือสำเนาใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล ในกรณีที่มีหลักฐานแสดงว่ายังไม่ได้รับชดใช้เต็มจำนวนตามใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลดังกล่าว
  • หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ
  • สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี (ถ้ามี)
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารของผู้ประสบภัย /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการรับโอนเงินค่าสินไหม)

กรณีรถคู่กรณี หรือ คู่กรณีบุคคลภายนอกรถประกันภัย

  • ใบรับรองความเสียหาย (ถ้ามี)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือใบอนุญาตขับขี่ หรือ หนังสือเดินทาง หรือหลักฐานอื่นที่รับรองตัวตนของผู้ประสบภัย
  • ใบรับรองแพทย์ และ/หรือประวัติการรักษาของแพทย์
  • ต้นฉบับใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล หรือสำเนาใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล ในกรณีที่มีหลักฐานแสดงว่ายังไม่ได้รับชดใช้เต็มจำนวนตามใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลดังกล่าว
  • หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีผู้ประสบภัยไม่ได้มาด้วยตัวเอง)
  • สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี (ถ้ามี)
  • สำเนาหนังสือรับรองรายได้ (กรณีเรียกร้องค่าสินไหมชดเชยรายได้ หรือค่าขาดอนามัย)
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารของผู้ประสบภัย /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการรับโอนเงินค่าสินไหม)

กรณีรถประกัน

  • สำเนาใบมรณบัตรของผู้ประสบภัย (ต้องมี)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้เสียชีวิต หรือหนังสือเดินทาง (กรณีผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลต่างด้าว)
  • เอกสารของทายาทโดยธรรมทุกคนที่เป็นผู้รับค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียชีวิต ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น เอกสารแสดงการเป็นทายาทโดยธรรมทุกคนที่มีสิทธิ์ได้รับค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียชีวิต แต่ได้ทำหนังสือสละสิทธิ์ (ถ้ามี) ได้แก่ สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น
  • คำสั่งศาลให้บุคคลทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์  (กรณีที่ทายาทผู้เสียชีวิตเป็นผู้เยาว์)
  • หนังสือรับรองยืนยันการเป็นทายาทของสถานฑูต หรือสถานกงสุล พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย (กรณีเป็นทายาทของบุคคลต่างด้าว)
  • หนังสือมอบอำนาจของทายาท และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีทายาทมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)
  • สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีของพนักงานสอบสวนหรือหลักฐานอื่นใดที่แสดงว่าผู้นั้นถึงแก่ความตายเพราะการประสบภัยจากรถ (ต้องมี)
  • สำเนาบันทึกประจำวันคดี สรุปผลคดีชี้ชัดว่าผู้ขับขี่รถยนต์ฝ่ายใดต้องรับผิด (ถ้ามี)
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารของทายาทผู้รับเงิน /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการรับโอนเงินค่าสินไหม)
  • ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล (ถ้ามีการรักษาพยาบาลก่อนเสียชีวิต)
  • ใบรับรองแพทย์ต้นฉบับ หรือ ฉบับรับรองสำเนาโดยแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ รพ. (ถ้ามีการรักษาพยาบาลก่อนเสียชีวิต)
  • สัญญาประนีประนอมยอมความ (แล้วแต่กรณี)
  • เอกสารอื่นๆ กรณีบริษัทฯ ร้องขอเพิ่มเติมและได้แจ้งให้ทราบโดยชอบแล้ว ตามแต่กรณี

กรณีรถคู่กรณี หรือ คู่กรณีบุคคลภายนอกรถประกันภัย

  • สำเนาใบมรณบัตรของผู้ประสบภัย (ต้องมี)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้เสียชีวิต หรือหนังสือเดินทาง (กรณีผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลต่างด้าว)
  • เอกสารของทายาทโดยธรรมทุกคนที่เป็นผู้รับค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียชีวิต ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น
  • เอกสารแสดงการเป็นทายาทโดยธรรมทุกคนที่มีสิทธิ์ได้รับค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียชีวิต แต่ได้ทำหนังสือสละสิทธิ์ (ถ้ามี) ได้แก่ สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น
  • คำสั่งศาลให้บุคคลทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์  (กรณีที่ทายาทผู้เสียชีวิตเป็นผู้เยาว์)
  • หนังสือรับรองยืนยันการเป็นทายาทของสถานฑูต หรือสถานกงสุล พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย (กรณีเป็นทายาทของบุคคลต่างด้าว)
  • หนังสือมอบอำนาจของทายาท และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ (กรณีทายาทมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)
  • สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีของพนักงานสอบสวนหรือหลักฐานอื่นใดที่แสดงว่าผู้นั้นถึงแก่ความตายเพราะการประสบภัยจากรถ (ต้องมี)
  • สำเนาบันทึกประจำวันคดี สรุปผลคดีชี้ชัดว่าผู้ขับขี่รถยนต์คันเอาประกันภัยเป็นฝ่ายต้องรับผิด หรือร่วมรับผิด (ต้องมี)
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารของทายาทผู้รับเงิน /ประเภทออมทรัพย์ (สำหรับการรับโอนเงินค่าสินไหม)
  • ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล (ถ้ามีการรักษาพยาบาลก่อนเสียชีวิต)
  • ใบรับรองแพทย์ต้นฉบับ หรือ ฉบับรับรองสำเนาโดยแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ รพ. (ถ้ามีการรักษาพยาบาลก่อนเสียชีวิต)
  • สัญญาประนีประนอมยอมความ (แล้วแต่กรณี)
  • เอกสารอื่นๆ กรณีบริษัทฯ ร้องขอเพิ่มเติมและได้แจ้งให้ทราบโดยชอบแล้ว ตามแต่กรณี
12 ระยะเวลาของขั้นตอนการพิจารณาและการชดใช้ค่าสินไหมตามประกาศ คปภ. (ฉบับปรับปรุง 24 มกราคม 2566)
  • บริษัทฯ จะตรวจสอบพิจารณาการเรียกร้องสินไหมให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับแจ้งเหตุหรือวันที่มีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน พร้อมส่งเอกสารหรือหลักฐานครบถ้วนตามแต่กรณี  เว้นแต่มีเหตุอันจำเป็นและจะได้แจ้งให้ผู้เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ทราบ
  • บริษัทฯ จะชดใช้ค่าสินไหม ภายใน 7 วัน นับจากวันที่ตกลงเป็นที่ยุติ และบริษัทฯ ได้รับเอกสารประกอบการพิจารณาจ่าย อย่างครบถ้วนและถูกต้อง
  • บริษัทฯ จะตรวจสอบสำรวจภัย และ/หรือ ประเมินความเสียหายให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับแจ้งเหตุหรือวันที่มีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน พร้อมส่งเอกสารหรือหลักฐานครบถ้วนตามแต่กรณี  เว้นแต่มีเหตุอันจำเป็นและจะได้แจ้งให้ผู้เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ทราบ
  • กรณีตกลงค่าสินไหมทดแทนเป็นตัวเงิน บริษัทฯ จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ตกลงเป็นที่ยุติและบริษัทฯ ได้รับเอกสารครบถ้วน
  • กรณีตกลงชดใช้ค่าสินไหมเป็นอย่างอื่น ที่ไม่ใช่การจ่ายเป็นเงิน บริษัทฯ จะดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ตกลงเป็นที่ยุติและบริษัทฯได้รับเอกสารครบถ้วน เว้นแต่จะมีเหตุอันควรและจะได้แจ้งให้ทางผู้เรียกร้องค่าสินไหมทราบ
  • กรณีตกลงชดใช้ค่าสินไหมด้วยการซ่อมแซม บริษัทฯ จะดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ตกลงเป็นที่ยุติและบริษัทฯได้รับเอกสารครบถ้วน เว้นแต่จะมีเหตุอันควรและจะได้แจ้งให้ทางผู้เรียกร้องค่าสินไหมทราบ
  • กรณีเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหมวดความคุ้มครองรถยนต์สูญหาย โดยผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและพนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์แล้ว  บริษัทฯ จะดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมแทนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่บริษัทฯได้รับเอกสารหลักฐานครบถ้วน
  • ภายใน 7 วัน สำหรับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ภาคบังคับ
  • ภายใน 15 วัน สำหรับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ภาคสมัครใจ
  • หรือมีเหตุอันควร บริษัทฯอาจขยายผลการพิจารณาออกไปตามจำเป็น แต่ไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับเรื่องขอให้ทบทวนหรือเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม (ถ้ามี)